วิพากษ์หนังสือ
วิพากษ์หนังสือ “สามก๊ก ฉบับนายทุน ตอน โจโฉ นายกฯ-ตลอดกาล”
ผู้เขียน: ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
สำนักพิมพ์: ดอกหญ้า 2000
พิมพ์ครั้งแรก: พ.ศ.2494
วิพากษ์โดย
นายจิรายุ โอวัฒนะสิน
สามก๊กนับเป็นสุดยอดของวรรณกรรมจีน
อภิมหากาพย์แห่งไฟสงครามที่แต่ละก๊กมีความต้องการจะรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว
โดยสามก๊กฉบับอื่น ๆ มักจะเขียนให้วุยก๊ก ก๊กของโจโฉให้เป็นผู้ร้าย แล้วจ๊กก๊ก
ก๊กของเล่าปี่เป็นพ่อพระ ซึ้งหนังสือเล่นนี้
นับเป็นการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับสามก๊กที่แตกต่างจากเล่มอื่น ๆ โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์
ปราโมช ได้เขียนเรื่องราวตั้งแต่
โจโฉยังเป็นผู้พันทหารม้าจนถึงตำแหน่งสูงสุดสมุหนายก
ที่มีอำนาจล้นฟ้าเทียบเท่ากับองค์ฮ่องเต้ ผู้เป็นเจ้าแผ่นดิน
มุมมองต่าง ๆ
ของหนังสือเล่มนี้ที่สื่อให้ผู้อ่านได้เห็น ซึ้งผู้วิพากษ์จะแบ่งออกเป็น 5
มุมดั้งนี้
1.คุณธรรม
โจโฉนับเป็นคนแรก
ๆ ตั้งแต่เริ่มเรื่องของวรรณกรรมสามก๊ก ที่เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดในราชสำนัก
ราชวงศ์ฮั่น ที่ตั้งแต่ยุคขันทีเรืองอำนาจจนถึงตั๋งโต๊ะตั้งต้นเป็นใหญ่
โจโฉเป็นผู้แรกที่คิดจะสังหาร
ทรราชตั๋งโต๊ะเพื่อหวังจะฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นที่เสื่อมทราม ซึ้งถ้าธรรมดาทั่วไป
เรื่องที่เกี่ยวพันการบ้านเมืองที่อยู่ในช่วงวิกฤตจะมีสักกี่คนที่จะเข้ามาจัดการ
แม้ตัวเองมีกำลังน้อยนิดก็ตาม
โดยส่วนใหญ่ก็จะเอาตัวรอดไว้ก่อนเพื่อความสุขสบายส่วนตน
หรือตอนที่จูล่งฝ่าทัพโจโฉเพื่อช่วยอาเต๊าบุตรของเล่าปี่ที่ยังเป็นเด็กทารก จูล่งได้เอาอาเต๊าห่อผ้าแล้วผูกคอขึ้นม้าเพื่อฝ่าวงล้อมออกไป
โจโฉได้ยืนดูการรบอยู่บนภูเขา เห็นจูล่งอุ้มเด็กรบอยู่คนเดียว
ก็ก็ได้สั่งห้ามทหารยิงธนูใส่ จูล่งจึงพาอาเต๊ากลับไปหาเล่าปี่ได้อย่างปลอดภัย
2.การเลือกใช้คน
โจโฉนับเป็นผู้นำที่ความคิดแปลกและแตกต่างจากผู้นำก๊กอื่น
ๆ ในการคิดอ่านใช้คนในการทำศึกสงครามก็ดี หรืองานราชการก็ดี
จากเหตุการณ์ล่อกวนอูมาติดกับให้มารับราชการ
โจโฉนั้นรู้ดีว่ากวนอูเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมสูงส่ง แต่กระนั้นแล้ว
โจโฉก็ทำทุกวิธีทางเพื่อซื้อใจกวดอูมารับใช้ให้ได้ท้ายสุดก็ไม่เป็นผล มีประโยคหนึ่งในหนังสือกล่าวว่า
“คิดขึ้นมาแล้วก็น่าสงสารโจโฉที่พยายามทุกวิถีทางที่จะหาคนดีมาใช้ในราชการ...โจโฉจึงนับว่าเป็นคนอาภัพในเรื่องบริวารอยู่มาก” หรือครั้งที่แม่ทัพ แฮหัวตุ้น แพ้กลศึกที่ขงเบ้งวางไว้
พอตนแพ้ก็ได้สั่งให้ทหารเอาเชือกมัดตัวเองไว้แล้วกลับไปรับโทษกับโจโฉ แต่กระนั้นแล้วโจโฉได้สั่งให้แก้มัด
แล้วมีคำสั่งว่า ให้เตรียมทัพใหญ่ ทหารห้าแสน
เตรียมบุกปรามหัวเมืองภาคใต้ด้วยตนเอง นี่จึงแสดงให้เห็นว่าโจโฉ
เป็นผู้นำที่เข้าใจลูกน้องเป็นอย่างดี เข้าใจในวิธีการซื้อใจอย่างแท้จริง
3.การวางตัว
รู้จักที่ยืนของตัวเอง
ผู้พันทหารม้าสู่สมุหนายก
โจโฉเรียกได้ว่ามีการพัฒนาการตำแหน่งได้รวดเร็วพอสมควร
จาการสร้างผลงานให้รับราชสำนัก อีกทั้งเป็นผู้นำปราบกฎบก็ดี ช่วยเหลือราชวงศ์ก็ดี
ครั้งหนึ่งหลังทำศึกปราบง่อก๊ก ก๊กของชุนกวนเสร็จ ฮ่องเต้ได้ประทานรางวัลให้ คือ “โจโฉได้สิทธิ์พิเศษไม่ต้องเข้าร่วมประชุมขุนนางตอนที่ท้องพระโรงจะเข้าเฝ้าก็ต่อเมื่อมีคำสั่งให้เข้าเฝ้า
สามารถพกอาวุธเข้าเขตพระราชฐานได้และเมื่อเจอฮ่องเต้ก็ไม่ต้องถวายบังคม” นี่เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการให้เกียรติของฮ่องเต้ที่มีต่อโจโฉผู้ที่ช่วยเหลือราชวงศ์
มีอยู่ตอนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า ตัวเองนั้นไม่ได้ต้องการจะเป็นฮ่องเต้
เพียงแต่ต้องการเป็นขุนนางที่ช่วยเหลือฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น ความว่า “...บัดนี้เรามีใจกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ คิดจะปราบปรามให้แผ่นดินเป็นสุข
ความชอบจะได้ปรากฏไปข้างหน้า ว่าเราได้เป็นนายทหารช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน
ครั้นพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้สมบัติก็สมความคิดเราอยู่แล้ว...” เป็นบ้างส่วนของประโยคที่โจโฉพูดกับแม่ทัพ
ทหารนายกอง หลังแตกทัพเรือ
4.หักหลัง
เอาตัวรอด คือ วิถีสู่ความยิ่งใหญ่ !?
“ข้ายอมทรยศต่อคนทั้งแผ่นดิน
แต่ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทรยศข้า” คำพูดนี้ฟัง ๆ
ดูก็เหมือนธรรมดา ๆ แต่ถ้าคิดลงไปอีกก็จะพบว่า
เหมือนกับคนที่ถือดาบพร้อมที่จะฆ่าคนทั้งแผ่นดิน เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเองไว้
หลายครั้งที่โจโฉพร้อมที่จะกำจัดหองข้างแคร่ทุกเมื่อ เพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้
ไม่ว่าจะเป็นญาติ แม่ทัพนายกองคนไหนที่สงสัย แม้แต่แกล้งละเมอฆ่าคนรับใช้ตัวเอง
ที่ทำงานมากว่าสิบปี เพื่อขู่ทหารที่เฝ้าเวรยาม
5.นายกฯตลอดกาล
ช่วงบั้นปลายชีวิต
โจโฉป่วยเป็นไมเกรน มีอาการปวดหัวอยู่เรื่อย ๆ อาการป่วยก็หนักขึ้นทุกวัน
นอนไม่หลับทำให้เพ้อถึงคนที่ตนเคยฆ่า เพราะด้วยความจำเป็นแต่เมื่อทำไปแล้วไม่สบายใจถึงเป็นเช่นนี้ทำศึกมาสามสิบกว่าปี
ข้าศึกเหนือ ใต้ ออก ตก ก็ไปปราบ คงเหลือแต่ เล่าปี่ ซุนกวน ที่ยังปราบไม่สำเร็จ
และได้ฝากฝั่งขุนนางที่เหลือให้ช่วยทำการใหญ่ให้สำเร็จ ท้ายสุดก็สิ้นชีพในตำแหน่ง
และได้ยังสั่งให้สร้างสุสานของตน เจ็ดสิบแห่ง ป้องกันไม่ให้ศัตรูรู้ที่ตั้งแท้จริง
เพื่อที่จะได้ไม่ให้ขุดเอาศพของตนมาทำการประจาน
เป็นเรื่องธรรมดาที่โจโฉมีปรปักษ์มาก
เพราะอุดมการณ์ความตั้งใจที่จะรวบรวมแผ่นดินนั้น
ย่อมต้องขัดผลประโยชน์กับคนบางกลุ่มแน่นอน จะเห็นได้ว่าโจโฉนั้นเป็นคนธรรมดา
ทั่วๆไปย่อมประกอบไปด้วยความโกรธ โลภ หลงและความปรารถนาต่าง ๆ กิเลสต่าง ๆ
เหล่านี้โจโฉปฎิบัติเป็นครั้งคราว ความคิดที่ผิดพลาดไปก็ไม่ได้มากน้อยกว่าคนอื่น ๆ
เท่าไหร่ จึงทำให้เจตนาดีของโจโฉที่ต้องการทำนุบำรุงบ้านเมือง
ถูกบดบังโดยฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ นี่เป็นเพียงมุมมองส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้
ที่ได้เขียนเรื่องราวของโจโฉผู้ที่เป็นนายกฯตลอดกาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น